AI-Driven Creativity vs Human เทรนด์ใหม่สำหรับนักการตลาด

AI-Driven Creativity vs Human เทรนด์ใหม่สำหรับนักการตลาด 

มนุษย์กับ AI ในโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์

คุณเคยสงสัยไหมว่า ในอนาคตโฆษณาที่คุณเห็นบน Facebook หรือ TikTok จะถูกคิดโดยมนุษย์จริง ๆ หรือเป็นผลงานของ AI กันแน่?

เพราะทุกวันนี้ AI สามารถเขียน Copy, วาด Artwork, และตัดต่อวิดีโอได้ภายในไม่กี่วินาที 

ทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่า “แล้วมนุษย์ครีเอทีฟยังจำเป็นอยู่ไหม? 

คำถามนี้ “TWF Agency เรามีคำตอบมาให้” กับบทความนี้ครับ

AI-Driven Creativity คืออะไร และมันทำอะไรได้บ้าง?

มนุษย์ในโลกเสมือนที่สะท้อนแนวคิดครีเอทีฟจาก AI

ก่อนอื่นทุกคนต้องเข้าใจก่อนว่า AI วันนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่ช่วย “คิดคำโฆษณา” หรือ “สร้างภาพประกอบ” อีกต่อไป แต่ก้าวไปถึงการเป็นเหมือน ครีเอทีฟเสมือน ที่สามารถ

สร้างไอเดียโฆษณา , ทำ Artwork ครบเซ็ต , ตัดต่อวิดีโอให้เสร็จ , วิเคราะห์ว่าควรยิง Ads ให้เหมาะกับใคร และควรโพสต์เวลาไหนกันไปแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ระดับโลกอย่าง Coca-Cola เอง ก็เริ่มทดลองใช้ AI อย่าง DALL·E 2 และ GPT-4 ในแคมเปญ “Create Real Magic” ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสร้างงานศิลป์ร่วมกับ AI และนำไปใช้จริงในสื่อของแบรนด์ ถือเป็นการพลิกบทบาทครีเอทีฟแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน 

ซึ่งจากข้อมูลนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าตลาดและแบรนด์ระดับโลกได้เคลื่อนไหว ผ่าน AI-Driven Creativity เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คำถามก็คือ AI จะมาแทนที่มนุษย์ครีเอทีฟจริง ๆ แล้วใช่ไหม ?

คำตอบก็คืออาจจะยังไม่ใช่ครับ เพราะถึงแม้ว่า AI จะเก่งขึ้นทุกวัน
แต่ก็ยังขาด 3 ปัจจัยหลักที่มนุษย์มีอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นในด้านของ…

  1. Insight จากประสบการณ์ชีวิต – AI รู้จากข้อมูล แต่ไม่เข้าใจ “ความรู้สึกจริง” ของคน
  2. ความแตกต่างที่ไม่ซ้ำใคร – งานจาก AI หลายครั้งออกมา “คล้าย ๆ กัน” เพราะเรียนรู้จากฐานข้อมูลเดิม ทำให้ไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานและสิ่งใหม่ ๆ ได้
  3. คำถามเรื่องจริยธรรม – ลิขสิทธิ์ผลงาน, Deepfake, และความโปร่งใส กลายเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับนักการตลาด ที่หลาย ๆ คนยังคงถกประเด็นนี้กันอยู่บนโลกออนไลน์

พูดง่าย ๆ ก็คือ AI สร้าง “งานที่ถูกต้อง” ได้ แต่ยังสร้าง “งานที่ถูกใจ” ไม่เก่งได้เท่ามนุษย์นั่นเองครับ

แล้ว Human Creativity สำคัญตรงไหน ?

หากลองมองย้อนกลับไปที่แคมเปญจากแบรนด์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Nike “Just Do It”
ซึ่งจริง ๆ มันก็เป็นเพียงคำสามคำสั้น ๆ ที่ใครก็เขียนได้ แต่พลังของมันมาจาก ความเข้าใจมนุษย์ การดึงแรงบันดาลใจจากความฝัน ความท้าทาย และความเจ็บปวดที่ทุกคนต้องเผชิญ เพื่อตีความออกมาเป็นแคมเปญโฆษณา 

และนี่แหละคือสิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้ ทั้งในด้านของการ เล่าเรื่องที่มีอารมณ์และความหมาย , จับมุกตลกที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม, สื่อสารแบบ “เข้าใจหัวใจคน” ไม่ใช่แค่เข้าใจข้อมูล

จากจุดนี้ จะเห็นได้ชัดว่า ถึงแม้ AI จะเก่งขึ้นไหนก็ตาม แต่ในด้านของความเป็น Human Creativity ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญและเป็นปัจจัยหลักในการคิดงานโฆษณาต่อไปในอนาคตอยู่ดี

เพราะอนาคตคือการทำงานร่วมกัน ระหว่าง AI Creativity & Human Creativity (ไม่ใช่แข่งการขันกัน)

การทำงานร่วมกันระหว่าง AI และมนุษย์ด้านความคิดสร้างสรรค์

สิ่งที่น่าสนใจในวงการโฆษณาคือ อนาคตไม่ใช่เกม “AI vs Human” แต่เป็น AI with Human ที่

AI จะเป็นเหมือน ผู้ช่วย Producer ที่ทำงานเร็วและละเอียด และมนุษย์ก็จะเป็น Curator และ Strategist ที่เลือก จะทิ้ง จะแต่ง หรือ จะเติม ให้ผลงานมีชีวิตจริง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของโจทย์ทางการตลาดได้ 

หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ หาก AI & Human ที่เป็น Specialist ได้ทำงานร่วมกันแล้วล่ะก็ จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพและรวดเร็วตามความต้องการตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วอย่างแน่นอน ซึ่งมีการคาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2030 แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ จะไม่ใช่แบรนด์ที่ใช้ AI เก่งที่สุด แต่คือแบรนด์ที่ ผสมผสาน AI และมนุษย์ได้ลงตัวที่สุดที่จะเป็นผู้นำของตลาด

แล้วนักการตลาดควรเตรียมตัวยังไง ?

นักการตลาดกำลังวางกลยุทธ์ทางการตลาด

ถ้าคุณเป็นนักการตลาด หรือเจ้าของแบรนด์ ที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว คุณอาจกำลังคิดว่า 

“งั้นฉันควรทำยังไงต่อดี? จะใช้ AI แทนทีมงานเลยไหม หรือควรรอให้ทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ก่อน?”

ความจริงคือ… คุณไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
สิ่งที่ควรทำคือ เริ่มต้นเรียนรู้ และทดลองใช้ AI ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะที่เป็นจุดแข็งของมนุษย์ เช่น Storytelling, Empathy, และการคิดเชิงกลยุทธ์และให้มอง AI เป็นเหมือน “ผู้ช่วยที่ทำงานไม่เหนื่อย ไม่หลับ ไม่บ่น” ส่วนคุณคือ “คนคุมเกม” ที่รู้ว่าจะใช้เครื่องมือนี้เพื่อเล่าเรื่องของแบรนด์ยังไงให้จับใจคนจริง ๆ

พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ AI เท่ากับเครื่องยนต์ และมนุษย์ก็คือคนขับรถ ที่จะคอยควบคุมเครื่องยนต์ ให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ด้วยประสบการณ์และความชำนาญเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้นั่นเอง

ซึ่ง TWF Agency เราเชื่อในพลัง Hybrid AI & Human Creativity

TWF Agency เราเชื่อในพลัง Hybrid AI & Human Creativity

เพราะเราเชื่อว่า AI จะไม่ฆ่า Creativity แต่มันจะเปลี่ยนบทบาทของมันไปตลอดกาล หากมนุษย์ได้เรียนรู้และใช้พลังความชำนาญควบคู่ไปกับ AI ทั้งในวงการโฆษณาหรือวงการอื่น ๆ ก็ตาม

และอนาคตของการตลาดไม่ใช่การเลือกระหว่าง AI หรือ Human แต่คือการทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นในฝั่งของ AI ที่คิดเป็นระบบ ระเบียบ และในด้านของ Human ที่ผสานความรู้ ความเข้าใจ เพื่อที่เราจะเห็นได้ โฆษณาที่ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต และสามารถเข้าถึงจิตใจของผู้บริโภคได้อีกด้วยและถ้าคุณกำลังมองหา Agency Partner ที่จะช่วยคุณ วางกลยุทธ์ + สร้างสรรค์ + บริหารสื่อ โดยผสมผสานพลังของ AI-Driven & Human Creativity เข้าด้วยกัน

TWF Agency พร้อมที่จะเป็นทีมที่ช่วยขับเคลื่อนแบรนด์คุณ ให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพในโลกการตลาดใหม่ สามารถดูบริการเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/46JjznL หรือติดต่อได้ที่ https://bit.ly/4pHS8mN

The Author

Related Posts